นิว เจน แอร์เวย์ส เปิดรายชื่อผู้ถือหุ้น ยืนยันไม่มีระพิพรรณ-อริสมันต์เกี่ยวข้อง

เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2557 บริษัท สบายดี แอร์เวย์ส จำกัด ผู้ดำเนินการสายการบิน นิว เจน แอร์เวย์ส แถลงชัดเจนว่า นางระพิพรรณ พงศ์เรืองรอง อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับธุรกิจสายการบินนี้ ไม่ว่าจะเป็นการถือหุ้น การบริหาร หรือแม้แต่การให้คำแนะนำทางธุรกิจ ทั้งนี้ การแถลงครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากนางระพิพรรณโพสต์รูปถ่ายบนเครื่องบินของสายการบินดังกล่าวบนเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2557 พร้อมข้อความว่า "ฝากสายการบินน้องใหม่ด้วยนะคะ..แต่ยังไม่เปิดเป็นทางการค่ะ.." ซึ่งทำให้สังคมออนไลน์เข้าใจผิดว่าทั้งสองคนมีบทบาทในบริษัท

รายชื่อผู้ถือหุ้นเปิดเผยชัดเจน ไม่มีชื่อ "กี้ร์" หรือ "พี่ระพิพรรณ"

นายประมุข ไชยวรรณ ประธานกรรมการบริหารของ สบายดี แอร์เวย์ส จำกัด ระบุว่า บริษัทจดทะเบียนเมื่อปี พ.ศ. 2555 ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นจำนวน 200,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 1,000 บาท และได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการเดินอากาศจากกระทรวงคมนาคมแล้ว รายชื่อผู้ถือหุ้นทั้งหมดมีเพียง 3 คนเท่านั้น:

• นิตยา ขจรเกียรติ — ถือหุ้น 49.9995%
• จุฑาทิพย์ วิลาด — ถือหุ้น 49.9995%
• ธีรวัฒน์ ลีลาภรณ์สกุล — ถือหุ้น 0.0005%

สัดส่วนหุ้นที่เกือบเท่ากันระหว่างสองรายแรก บ่งบอกถึงโครงสร้างการบริหารแบบคู่หุ้นที่มีการตรวจสอบซึ่งกันและกัน ขณะที่หุ้นส่วนสุดท้ายมีสัดส่วนเพียงเศษเล็กน้อย ซึ่งมักใช้ในกรณีที่ต้องการให้มีผู้ถือหุ้นอย่างน้อยสามคนตามกฎหมาย

ความสับสนเริ่มต้นจากโพสต์เฟซบุ๊กที่ถูกตีความผิด

การโพสต์ของนางระพิพรรณเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2557 ไม่ได้ระบุชื่อบริษัทอย่างชัดเจน แต่รูปภาพที่ถ่ายบนเครื่องบินซึ่งมีโลโก้ "นิว เจน แอร์เวย์ส" ทำให้ผู้ติดตามจำนวนมากเชื่อว่าเธอเป็นเจ้าของหรือหุ้นส่วน แม้เธอจะเขียนว่า "ยังไม่เปิดเป็นทางการ" ซึ่งอาจหมายถึงการเดินทางส่วนตัวหรือการทดลองใช้บริการ แต่ในบริบททางการเมืองที่เธอเป็นที่รู้จัก การตีความนี้จึงกลายเป็นข่าวใหญ่

ที่น่าสนใจคือ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชื่อของนายอริสมันต์และภรรยาถูกเชื่อมโยงกับธุรกิจการบิน ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2556 เขาเคยชี้แจงกับสำนักข่าวอิศราแล้วว่า สายการบินที่ภรรยาพูดถึงนั้นไม่ใช่สายการบินเชิงพาณิชย์ แต่เป็น "ชาร์เตอร์ไฟลต์" ที่ใช้สำหรับการท่องเที่ยวระหว่างไทย-จีน โดยมีเพื่อนสนิทเป็นผู้ถือหุ้น และเขาเพียงให้คำแนะนำด้านการจัดการเท่านั้น

ความขัดแย้งทางการเงินที่ตามมา: ทรัพย์สินเพิ่ม 43 ล้านใน 1 ปี

ความไม่ชัดเจนเรื่องทรัพย์สินของนางระพิพรรณเป็นประเด็นที่ติดตามมาอย่างยาวนาน หลังพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. ในปี 2555 เธอเคยแจ้งทรัพย์สินรวม 2,988,135.78 บาท แต่เพียงหนึ่งปีต่อมา ข้อมูลจาก ป.ป.ช. ชี้ว่าทรัพย์สินของเธอพุ่งขึ้นเป็นกว่า 43 ล้านบาท — เพิ่มขึ้นเกือบ 15 เท่า

ในขณะที่สามีของเธอ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง หรือ "กี้ร์" แจ้งทรัพย์สินเพียง 1.06 บาท และบุตรชายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมีเงินฝาก 424,287.86 บาท ความแตกต่างนี้ทำให้เกิดคำถามว่า "เงินมาจากไหน?"

แม้ ป.ป.ช. จะมีมติไม่ลงโทษทั้งคู่ในกรณีไม่แจ้งการถือหุ้นในบริษัท ทีวีคนเสื้อแดง มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท แต่การตัดสินใจนั้นไม่ได้ปิดประตูการตรวจสอบ แต่กลับเปิดทางให้ประชาชนตั้งคำถามต่อไป

เงิน 25 ล้านบาทที่ "ไม่มีตัวเงินจริง"

ในช่วงต้นปี 2557 นายอริสมันต์ยังเคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอิศราว่า เงินจำนวน 25 ล้านบาทที่ถูกกล่าวอ้างว่า "ลงทุนในบริษัท เฮ้าส์ ออฟ ฮาร์ท พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด" นั้น เป็นเพียง "ตัวเลขลอยๆ" ในบัญชี ไม่มีการโอนเงินจริง และบริษัทดังกล่าวก็ไม่เคยมีการดำเนินธุรกิจ เพราะหุ้นส่วนที่ร่วมลงทุนเกิดความขัดแย้งกันตั้งแต่แรก

ที่น่าสนใจคือ บริษัทนี้ใช้ที่อยู่อาศัยของนายอริสมันต์และภรรยาเป็นที่ตั้งสำนักงาน — ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่มักพบในธุรกิจที่ไม่มีโครงสร้างทางการเงินที่ชัดเจน แต่ใช้ทรัพย์สินส่วนตัวเป็นฐานในการจดทะเบียน

ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญ?

ไม่ใช่แค่เรื่องของสายการบินใหม่ แต่เป็นเรื่องของความโปร่งใสในสังคมที่กำลังตื่นตัวต่อการใช้อำนาจทางการเมืองเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ความเข้าใจผิดเรื่อง "นิว เจน แอร์เวย์ส" สะท้อนว่าคนทั่วไปยังคงเชื่อมโยงชื่อเสียงทางการเมืองกับธุรกิจอย่างอัตโนมัติ — แม้จะไม่มีหลักฐาน

ในขณะที่ผู้ถือหุ้นจริงของ สบายดี แอร์เวย์ส จำกัด เป็นบุคคลทั่วไปที่ไม่มีชื่อเสียงทางการเมือง ความพยายามของนายประมุขในการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสจึงเป็นสัญญาณที่ดี — แม้จะมาช้า

อนาคตของนิว เจน แอร์เวย์ส: จะบินรอดหรือจม?

แม้จะไม่มีชื่อใหญ่ทางการเมืองอยู่เบื้องหลัง แต่การที่บริษัทมีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท และได้ใบอนุญาตจากกระทรวงคมนาคมแล้ว แสดงว่ามีศักยภาพในการแข่งขัน ปัญหาหลักคือการสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้โดยสาร — โดยเฉพาะในตลาดที่มีคู่แข่งอย่าง ไทยสมายล์ แอร์เอเชีย และนกแอร์

หากบริษัทสามารถรักษาคุณภาพการบริการ ไม่ให้ถูกโยงกับข่าวลือทางการเมือง และเปิดเผยข้อมูลอย่างต่อเนื่อง โอกาสในการเติบโตยังมีอยู่ แต่ถ้าปล่อยให้ภาพลักษณ์เสียหายเพราะความไม่ชัดเจน บริษัทเล็กๆ อย่างนี้อาจหายไปในวงจรการแข่งขันที่รุนแรง