ณัฐพล วงศ์กำนัน พ.ย.
25

รมว.วัฒนธรรมกำชับบูรณะราชรถ-พระเมรุมาศให้เสร็จใน 1 ปี พร้อมจัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงสมเด็จพระพันปีหลวง

รมว.วัฒนธรรมกำชับบูรณะราชรถ-พระเมรุมาศให้เสร็จใน 1 ปี พร้อมจัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงสมเด็จพระพันปีหลวง

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2568 ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้เปิดประชุมหารือเร่งด่วนกับผู้บริหาร กรมศิลปากร เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงกรุงเทพมหานคร อย่างสมพระเกียรติที่สุด — โดยสั่งการชัดเจนว่า ราชรถ ราชยาน และคานหาม ทุกองค์ต้องบูรณะเสร็จภายใน 1 ปี และ พระเมรุมาศ ต้องร่างแบบให้แล้วเสร็จภายใน 2-3 เดือน

ช่างสิบหมู่กลับมาอีกครั้ง ใช้ทีมเดียวกับรัชกาลที่ 9

สิ่งที่ทำให้การบูรณะครั้งนี้แตกต่างคือการใช้ทีมช่างฝีมือชุดเดียวกับที่เคยทำงานในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ซึ่งประกอบด้วยช่างสิบหมู่และผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปวัฒนธรรมที่ผ่านการฝึกฝนมาหลายสิบปี

ไม่ใช่แค่การซ่อมแซม — แต่เป็นการฟื้นฟูให้กลับมางดงามเหมือนเดิม ทุกชิ้นงานต้องผ่านการตรวจสอบด้วยมาตรฐานเดียวกับที่ใช้ในปี 2562 ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการปิดทองคำแท่งบนล้อราชยาน การสลักไม้สักด้วยลวดลายดอกไม้ทองคำ หรือการถักทอผ้าไหมพิเศษสำหรับผ้าคลุมพระยานมาศ

“ช่างทุกคนรู้ว่าเขาไม่ได้แค่ทำงาน — เขากำลังทำให้ประวัติศาสตร์เดินต่อไป” ผู้อำนวยการกรมศิลปากรเปิดเผยหลังการประชุม

พระเมรุมาศร่างแบบเสร็จใน 3 เดือน สร้างจริงต่อทันที

ขณะที่การบูรณะราชรถอยู่ในขั้นเตรียมวัสดุ งานออกแบบ พระเมรุมาศ กำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการร่างแบบ โดยมีทีมสถาปนิกและนักวิชาการศิลปะโบราณจาก กรมศิลปากร ทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยศิลปากร

แบบที่เสนออยู่ในขณะนี้ยังคงยึดหลัก “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องสอดคล้องกับตำราพระราชนิพนธ์” — ไม่ได้ดัดแปลงตามเทรนด์สมัยใหม่ แต่กลับต้องย้อนกลับไปดูภาพถ่ายจากพระเมรุมาศในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 9 เพื่อให้แน่ใจว่าทุกมุม ทุกส่วน ทุกสัดส่วนถูกต้องตามโบราณราชประเพณี

คาดว่าภายในเดือนมกราคม 2569 จะเริ่มงานก่อสร้างจริงที่บริเวณ ท้องสนามหลวง ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 7-8 เดือนในการก่อสร้างเต็มรูปแบบ

คณะกรรมการ 8 ชุด จัดการทุกขั้นตอนอย่างเป็นระบบ

คณะรัฐมนตรีได้มีมติแต่งตั้ง คณะกรรมการ 8 ชุด เพื่อแบ่งหน้าที่อย่างชัดเจน — ตั้งแต่การจัดซื้อวัสดุ ดูแลความปลอดภัย ควบคุมงบประมาณ ไปจนถึงการจัดการการเข้าถึงของประชาชน

หนึ่งในชุดนั้นคือ “คณะกรรมการจัดการความทรงจำ” ซึ่งรับผิดชอบรวบรวมภาพถ่าย บันทึกเสียง และคำพูดจากประชาชนที่ต้องการร่วมถวายความอาลัย รวมถึงการจัดทำหนังสือประวัติศาสตร์ฉบับพิเศษเพื่อส่งมอบให้กับหอจดหมายเหตุแห่งชาติ

“ไม่มีการห้ามกิจกรรมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับความทรงจำ” น.ส.ซาบีดา ย้ำกับที่ประชุม — ซึ่งหมายความว่า โรงเรียน วัด หรือแม้แต่ชุมชนสามารถจัดกิจกรรมรำลึกได้ตามความเหมาะสม

ถวายสักการะ 2 ช่วง ประชาชนเข้าร่วมได้ทั้งปี

การถวายสักการะพระบรมศพจะแบ่งเป็น 2 ช่วงชัดเจน

  • ช่วงที่ 1 (ตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2568) — ที่ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง ประชาชนสามารถเข้าถวายพระพานดอกไม้ ลงนามในสมุดหลวง และชมพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระพันปีหลวง
  • ช่วงที่ 2 (เริ่ม 9 พฤศจิกายน 2568) — หลังพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลครบ 15 วัน พระบรมศพจะย้ายไปประดิษฐานที่ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ซึ่งจะเปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะต่อเนื่องจนถึงวันถวายพระเพลิง

ที่น่าสนใจคือ แม้จะมีการจัดพิธีทางศาสนาอย่างเข้มข้น แต่ไม่มีการปิดกั้นการเดินทางหรือการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน — รัฐบาลตั้งใจให้ความเศร้าโศกเป็น “ส่วนหนึ่งของชีวิต” ไม่ใช่ “การหยุดทั้งประเทศ”

บำเพ็ญพระราชกุศล 7 วัน 50 วัน 100 วัน — ตามแบบโบราณ

การบำเพ็ญพระราชกุศลจะดำเนินไปตามลำดับเวลาตามประเพณีพุทธ-พราหมณ์ ที่เรียกว่า “สมวาร”

  • ครบ 7 วัน — 30 ตุลาคม 2568 (สัตตมวาร)
  • ครบ 15 วัน — 10 พฤศจิกายน 2568 (ปัณรสมวาร)
  • ครบ 50 วัน — 15 ธันวาคม 2568
  • ครบ 100 วัน — 5 กุมภาพันธ์ 2569 (ปัญญาสมวาร)

ในแต่ละวาร จะมีการสวดพระอภิธรรม ถวายสังฆทาน และมีการประโคมพระสุรเสียงจากพระสงฆ์ 500 รูป ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เวลา 05.00 น. จนถึง 21.00 น. ทุกวัน

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม เวลา 19.16 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระราชวังดุสิตไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท — ซึ่งเป็นครั้งแรกที่พระองค์ท่านเสด็จฯ ด้วยพระองค์เองในช่วงนี้ สะท้อนถึงความใกล้ชิดและทรงให้ความสำคัญอย่างยิ่ง

ทำไมต้องเร่งให้เสร็จใน 1 ปี?

คำตอบอยู่ที่ “ความหมาย” ไม่ใช่แค่ “เวลา”

การบูรณะราชรถและสร้างพระเมรุมาศไม่ใช่แค่งานก่อสร้าง — มันคือการส่งต่อความเคารพจากคนรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง

ในปี 2562 ชาวไทยกว่า 10 ล้านคนเดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพรัชกาลที่ 9 อย่างสงบ ไม่มีความรุนแรง ไม่มีการชิงไหวพริบ — แค่ความเงียบและความจริงใจ

ครั้งนี้ รัฐบาลไม่ต้องการให้ใครต้องรอ — ไม่ต้องการให้เด็กคนหนึ่งเติบโตมาแล้วไม่เคยเห็นราชรถที่เคยเคยพาสมเด็จพระนางเจ้าฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎร

“เราไม่ได้กำลังสร้างสิ่งก่อสร้าง — เราสร้างความทรงจำที่จะอยู่กับชาติไปอีกหลายร้อยปี”

Frequently Asked Questions

ทำไมต้องใช้ช่างสิบหมู่ชุดเดียวกับรัชกาลที่ 9?

เพราะช่างสิบหมู่เหล่านี้คือผู้สืบทอดเทคนิคโบราณที่ไม่มีในตำรา — พวกเขาเรียนรู้จากครูรุ่นก่อนด้วยการฝึกฝนด้วยมือ ไม่ใช่การเรียนในห้องเรียน ทักษะการปิดทองคำแท่งบนไม้สัก การถักผ้าไหมพิเศษ หรือการแกะสลักลวดลายพระพุทธศาสนาแบบโบราณ ไม่มีใครสามารถจำลองได้ด้วยเครื่องจักร จึงจำเป็นต้องใช้คนเดิมเพื่อรักษาความถูกต้องตามจิตวิญญาณของพระราชพิธี

ประชาชนสามารถเข้าชมพระเมรุมาศระหว่างก่อสร้างได้ไหม?

ไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ก่อสร้างได้เพราะเหตุผลด้านความปลอดภัยและศีลธรรม แต่กรมศิลปากรจะจัด “นิทรรศการออนไลน์” และ “การถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์แห่งประเทศไทย” ให้ประชาชนได้ชมความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด พร้อมคำอธิบายจากผู้เชี่ยวชาญในแต่ละขั้นตอน

มีการจัดงบประมาณเพิ่มเติมหรือไม่?

รัฐบาลยืนยันว่าจะจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมตามความจำเป็น โดยมีการตั้งกองทุน “พระเมรุมาศแห่งความอาลัย” ที่ประชาชนสามารถบริจาคได้ผ่านธนาคารแห่งประเทศไทย แต่ทุกบาททุกสตางค์จะถูกตรวจสอบโดยคณะกรรมการอิสระและเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างโปร่งใส

การถวายสักการะที่ศาลาสหทัยสมาคมจะมีการจัดการอย่างไร?

จะมีการแบ่งช่วงเวลาเข้าชมเป็นกลุ่ม 1,500 คนต่อชั่วโมง พร้อมระบบคิวอิเล็กทรอนิกส์ผ่านแอปพลิเคชัน “ถวายอาลัย” ที่รัฐบาลพัฒนาขึ้นมาเฉพาะ ประชาชนต้องลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อป้องกันการแออัด และมีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครจากมหาวิทยาลัยกว่า 5,000 คนช่วยดูแลความเรียบร้อย

ทำไมพระเมรุมาศไม่ใช้แบบใหม่ที่ทันสมัย?

เพราะพระเมรุมาศไม่ใช่สิ่งก่อสร้างทั่วไป — มันคือสัญลักษณ์ของความเป็นอมตะในพระพุทธศาสนา รูปแบบของมันถูกกำหนดไว้ในตำราพระราชนิพนธ์ตั้งแต่รัชสมัยรัชกาลที่ 1 ทุกส่วนมีความหมาย เช่น ยอดปราสาท 7 ชั้น หมายถึงภูเขาสิเนรุ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของจักรวาลตามความเชื่อโบราณ การเปลี่ยนแปลงจะทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของพิธี

มีแผนจะจัดพิธีถวายพระเพลิงเมื่อไหร่?

ยังไม่มีการประกาศวันแน่นอน แต่คาดว่าจะอยู่ในช่วงปลายปี 2569 หรือต้นปี 2570 ขึ้นอยู่กับความพร้อมของพระเมรุมาศและกำหนดการทางศาสนา รัฐบาลจะประกาศอย่างเป็นทางการล่วงหน้าอย่างน้อย 6 เดือน เพื่อให้ประชาชนและหน่วยงานทั่วประเทศเตรียมตัว

ณัฐพล วงศ์กำนัน

ณัฐพล วงศ์กำนัน

สวัสดีครับ ผมชื่อ ณัฐพล วงศ์กำนัน ผมเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านธุรกิจขนาดเล็ก ประสบการณ์มากว่า 10 ปี ผมเป็นนักเขียนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องธุรกิจและความสำเร็จของกิจการ ผมเขียนเพื่อแนะนำเทคนิค กลยุทธ์ และแนวคิดใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการที่ต้องการทำให้ธุรกิจของตัวเองยิ่งใหญ่ นอกจากนี้ ผมยังมีความสนใจในการแบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวในการปรับปรุงและเจริญเติบโตของธุรกิจขนาดเล็กกันครับ

โพสต์ที่คล้ายกัน